ในโลกหลังโควิด-19 หลายๆ สิ่งเปลี่ยนแปลงไปในชั่วข้ามคืน โลกอนาคตมาถึงเร็วกว่าที่คิด เมื่อการทำงานจากที่ไหนก็ได้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา พฤติกรรมลูกค้าที่ทำทุกอย่างผ่านออนไลน์ การสั่งอาหาร และการซื้อสินค้า และการทำธุรกรรมออนไลน์กลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ที่ผู้คนคุ้นเคยกันดี ธุรกิจต้องเร่งสปีดในการปรับตัวอย่างรวดเร็ว และ Data คือขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ชี้วัดความอยู่รอดของธุรกิจ

หนึ่งในเทรนด์ดิจิทัลที่มาเร็ว และมาแรงกว่าที่คิดคือ ระบบ cloud computing ที่หลายองค์กรถูกบังคับให้บอกลาเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลที่ครั้งหนึ่งเคยถูกซุกซ่อนอยู่ในมุมใดสักมุมของออฟฟิศ กลายมาเป็นการฝากข้อมูลไว้กับผู้ให้บริการ cloud ที่ช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์ในระยะยาว มีความยืดหยุ่น และคล่องตัวในการทำงานมากกว่า โดยในช่วงที่มีการล็อกดาวน์เมื่อโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดอย่างหนักในหลายประเทศทั่วโลก ผู้ให้บริการ cloud ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Microsoft เปิดเผยข้อมูลว่า การใช้งาน cloud มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นถึง 775% เลยทีเดียว

ในส่วนของประเทศไทยเอง การเติบโตของบริการ cloud ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในรายงานของ DEPA เรื่อง Megatrend and Technology Trend forecast คาดการณ์ว่า บริการ cloud ในประเทศไทยจะเติบโต 29% ในระหว่างปี 2561-2568 และจะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 3.15 หมื่นล้านบาท ในปี 2568 เทรนด์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า cloud คือคำตอบที่รองรับการเติบโตในอนาคตของธุรกิจในแบบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อธุรกิจต้องโอนถ่ายข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ในออฟฟิศไปสู่พื้นที่ใหม่อย่าง cloud อะไรคือแต้มต่อที่จะทำให้องค์กรของคุณติดสปีดได้รวดเร็วกว่าคู่แข่ง วรรณภา ศรีสง่างามกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์สื่อสารข้อมูล บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ผู้นำด้านการให้บริการ cloud ในประเทศไทย จะมาให้คำตอบ

Direct Cloud Connect อนาคตใหม่ของการเชื่อมต่อข้อมูล

ปัจจุบันการเข้าถึงบริการ cloud ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากซับซ้อนอีกต่อไป หลากหลายบริการที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันเบื้องหลังถูกขับเคลื่อนด้วยระบบ cloud แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังผ่าน Netflix หรือ iflix หรือการสั่งอาหารหรือเรียกรถผ่าน Grab, Line Man ฯลฯ รวมไปถึงการใช้โปรแกรมสำหรับองค์กรอย่าง office 365, Oracle Sales Cloud หรือ Salesforce ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ฝังตัวอยู่ใน cloud อยู่แล้ว

เมื่อแนวโน้มการใช้ cloud เพิ่มสูงขึ้น ถึงจุดหนึ่งขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรต่างๆ จะอยู่ในเส้นที่ถูกขีดไว้เท่าๆ กัน แต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่จะช่วยเร่งสปีดให้องค์กรของคุณแซงหน้าคู่แข่งได้คือความรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูล โดยมีบริการ Direct Cloud Connect เป็นคำตอบ

“Direct Cloud Connect คือบริการสื่อสารข้อมูลสำหรับลูกค้าองค์กร ภาครัฐและเอกชน เพื่อเชื่อมต่อระหว่างสำนักงาน หรือศูนย์ข้อมูลของลูกค้า ไปยังผู้ให้บริการ cloud ระดับโลกอย่าง AWS หรือ Azure เพื่อใช้งาน cloud ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น IaaS (Infrastructure as a service) หรือ PaaS (Platform as a service) หรือ SaaS (Software as a service) ผ่านโครงข่ายส่วนตัวที่เป็น Private Network แตกต่างจากการเชื่อมต่อแบบเดิมที่ผู้ใช้บริการต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสาธารณะก่อน ถึงจะเชื่อมต่อกับ cloud ได้ ซึ่งการใช้งาน Direct Cloud Connect ผู้ใช้บริการยังคงสามารถเข้าถึงบริการของ cloud provider ต่างๆ ได้เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมประสบการณ์เครือข่ายที่มีเสถียรภาพสูงสุด” วรรณภา กล่าวถึงภาพรวมของบริการ Direct Cloud Connect ที่มีข้อได้เปรียบอยู่ที่ความเสถียร ปลอดภัยและความรวดเร็วในการใช้งาน

เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ว่า หากผู้ให้บริการ cloud โดยทั่วไปเป็นจุดหมายปลายทางที่ถูกปักหมุดไว้ในแอพฯ แผนที่ กว่าที่ผู้ใช้งานจะเข้าถึงข้อมูลที่นำไปฝากไว้อาจต้องขับรถผ่านหลายทางแยก ในขณะที่การจราจรในโลกอินเทอร์เน็ตหนาแน่นจนกลายเป็นเส้นทางสีแดงที่ไม่ควรขับผ่าน แต่บริการ Direct Cloud Connect จะพาคุณไปสู่จุดหมายปลายทางด้วยไฮเปอร์ลูป ระบบเดินทางรูปแบบใหม่ที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะไม่ต้องแบ่งพื้นที่ถนนร่วมกับใคร ถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว และปลอดภัยกว่า ซึ่งจุดนี้เองจะเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ ที่เวลาแค่เสี้ยววินาทีก็สามารถช่วงชิงชัยชนะเหนือคู่แข่งได้

“อย่างที่ทราบกันดีว่าหลายองค์กรมีการใช้ซอฟต์แวร์บนระบบ cloud อยู่แล้ว ทีนี้ความเร็วในการเข้าถึง และเสถียรภาพในการใช้งาน ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก สมมติว่าเราไม่สามารถเชื่อมต่อไปยัง cloud ที่ต้องการได้ในเวลาเร่งด่วน ลองนึกถึงความเดือดร้อนของพนักงานข้างหลังที่ต้องเร่งปิดบัญชีตอนสิ้นเดือน หรือลูกค้าที่ต้องการส่งออเดอร์แต่ไม่สามารถทำได้ ปัญหาเหล่านี้สร้างผลกระทบอย่างมากต่อองค์กร เมื่อเชื่อมต่อไปยัง cloud ไม่ได้ เวลา 1 ชั่วโมง หรือไม่กี่นาทีสำหรับองค์กรใหญ่ๆ ถือว่ามีค่าอย่างมาก โดยเฉพาะสถาบันการเงิน หรือโบรกเกอร์ต่างๆ”

CAT Direct Cloud Connect โครงข่ายที่ครอบคลุมและแข็งแกร่ง เสริมความมั่นใจให้กับทุกธุรกิจ

แม้ Direct Cloud Connect จะเป็นคำตอบสำหรับธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการติดสปีดการแข่งขันให้สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องทั้งหมด เพราะยิ่งไปกว่านั้นคือการเลือกสรรผู้ให้บริการที่ไว้ใจได้ทั้งในแง่ของเครือข่ายที่ครอบคลุมมากกว่า และประสบการณ์ในการให้บริการที่เหนือกว่า

“จุดเด่นของ CAT Direct Cloud Connect อยู่ตรงที่เรามีโครงข่ายระบบเคเบิลใต้น้ำที่ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ เพราะผู้ให้บริการ cloud ส่วนใหญ่ยังมี Cloud Server หรือ ระบบคลาวด์อยู่ในต่างประเทศเป็นหลัก เช่น ในสิงคโปร์ ฮ่องกง หรือไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันเราสามารถใช้โครงข่ายที่มีอยู่ยื่นมือไปถึงเขาได้ทันทีด้วยเสถียรภาพสูงสุด เนื่องจากเรามีเส้นทางสำรองที่หลากหลาย ขณะที่ผู้ให้บริการบางรายจะมีเงื่อนไขว่าลูกค้าต้องมาตั้งเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ข้อมูลใกล้ๆ แต่เราไม่มีข้อจำกัดเหล่านั้น นอกจากนี้เรายังมีทีมงานที่เต็มเปี่ยมด้วยประสบการณ์ พร้อมดูแลและให้บริการ 24 ชั่วโมงเพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้าด้วย”

สุดท้ายวรรณภา ยังฝากเช็กลิสต์สำหรับองค์กรที่ต้องการจะ ‘Go Cloud’ ด้วยว่า เรื่องสำคัญที่จะต้องคำนึงถึงคือการเลือกผู้ให้บริการที่ไว้วางใจได้

“สิ่งสำคัญคือเราควรพิจารณาว่า cloud ที่เราจะใช้งานเป็นของผู้ให้บริการที่มีความยั่งยืนไหม สมมติว่าวันหนึ่งเรานำข้อมูล และระบบต่างๆ ของเราไปฝากไว้กับ cloud รายหนึ่ง แล้วก็ใช้ซอฟต์แวร์บน cloud นั้น ถ้าวันหนึ่งเขาเลิกให้บริการไป องค์กรของเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร เพราะฉะนั้นก็ต้องเลือกผู้ให้บริการที่ไว้ใจได้ มีความปลอดภัยสูง และมีความมั่นคง”